หากพูดถึงเหรียญดิจิตอลแล้ว Dogecoin บิคอยน์ (Bitcoin) ถือว่ามาแรงสุดๆ โดยบิทคอยน์นั้นเปรียบเหมือนบิดาของเหรียญดิจิตอล (Cryptocurrency) ทั้งหลาย ส่วน Dogecoin นั้นถูกขนานนามว่าเป็นเหรียญมีม เราจะพูดถึงรายละเอียดเพื่อทำความรู้จักกับเหรียญดิจิตอลมากขึ้นในบทความนี้
Bitcoin กับ บล็อกเชน
บิทคอยน์ (ฺBitcoin) ใช้งานในระบบ บล็อกเชน (blockchain) หรือ โซ่บล็อก มาจากคำในภาษาอังกฤษ 2 คำคือ block และ chain รวมกันแล้วหมายถึง รายการระเบียนหรือรายการบันทึก (record) ที่เพิ่มขึ้นหรือยาวขึ้นเรื่อย ๆ โดยแต่ละรายการเรียกว่า บล็อก ที่นำมาเชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่ (เชน) โดยตรวจสอบความถูกต้องและรับประกันความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสลับที่มีเพียงคู่ค้าที่สามารถเข้าใจได้ บล็อกแต่ละบล็อกปกติจะมีค่าแฮชของบล็อกก่อนหน้า ซึ่งสามารถใช้ยืนยันความถูกต้องของบล็อกก่อนหน้าได้ เพราะมีตราเวลา และข้อมูลธุรกรรมบล็อกเชน
Dogecoin กับ บิทคอยน์
เมื่อ Bitcoin เปรียบดังบิดาแห่งเงินดิจิตอล แล้ว Doge ก็คงเปรียบได้ดังหลานรัก ที่เริ่มเป็นที่นิยมขึ้นในปีพ.ศ. 2564 ได้รับการเอ่ยถึงอย่างสนับสนุน โดย Elon Reeve Musk นักธุรกิจและนักลงทุนชาวอเมริกัน-แอฟริกาใต้ ที่เป็นทั้งวิศวกรและนักประดิษฐ์ เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของบริษัทสเปซเอ็กซ์ และยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ผู้บริหารและสถาปนิกผลิตภัณฑ์ของ Tesla และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริษัทของ Paypal และบริษัทอื่นอีกมากมาย
การที่ Elon Musk เปิดตัวสนับสนุน คริปโต โดยเฉพาะ บิทคอยน์ และ Dogecoin ทำให้นักลงทุนรายย่อยมีความเชื่อมั่นมากขึ้นและแห่ลงทุนในเหรียญทั้งสอง แต่ก็ยังมีนักลงทุนบางส่วนวิเคราะห์ว่าแนวโน้มของราคาเหรียญคริปโตมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอยู่แล้ว ส่วน Elon Musk เพียงออกมาทวิตบนแพล็ตฟอร์ม Twitter เกาะกระแสแนวโน้มเหล่านี้เท่านั้น
แต่ไม่ว่าราคาคริปโตเหล่านี้จะเพิ่มสูงขึ้นด้วยสาเหตุใดก็ตาม ก็ยังไม่สามารถคงอยู่ในตลาดขาขึ้นตลอดไปได้ ก็ต้องมีช่วงเวลาของตลาดขาลง ดังเช่นช่วงเดือนพฤษภาคม 2564
ขาดทุนหลักแสน
แค่ซื้อเหรียญดิจิตอลเก็บไว้จะขาดทุนได้อย่างไร? หากคุณมีเงินเหลือใช้มากมาย คงมีโอกาสขาดทุนน้อยลง เพราะคุณจะมีความสามารถซื้อแล้วเก็บไว้ระยะยาวได้ นักลงทุนรายย่อยไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น นักลงทุนรายย่อยมากมาย ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจคำว่า “เงินเย็น” หรือเพียงเพราะความโลภเข้าครอบงำ บ้านใช้เงินที่เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันนำมาลงทุน บางต้องไปกู้หนี้ บ้างก็ใช้เงินผู้อื่นโดยประกันผลกำไร เงินที่กล่าวมาเหล่านี้ล้วนเป็นเงินร้อน เมื่อนำเงินประเภทเหล่านี้มาลงทุนทำให้ไม่สามารถซื้อเก็บไว้ระยะยาวได้ ต้องตัดสินใจขายแล้วซื้อใหม่เพื่อทำกำไร ต้องมองหาจุดเขาซื้อในราคาต่ำ และจุดขายออกในราคาสูงเพื่อที่จะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขาย แต่การคาดการณ์ของคุณไม่ได้แม่นยำเสมอไป
ถึงแม้ว่าคุณจะทราบดีว่าราคาของเหรียญดิจิตอลที่คุณถืออยู่จะมีราคาสูงขึ้นในอนาคต แต่คุณจะมีความอดทนรอได้นานแค่ไหนที่ราคาเหรียญนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นจนถึงจุดสูงสุด มีหลายครั้งที่คุณรีบร้อนขายหมู ทำให้หลังจากที่คุณขายแล้วราคายังคงพุ่งสูงขึ้น และทำให้คุณรีบเร่งเขาซื้อเหรียญนั้นอีกครั้ง ด้วยความกลัวว่าจะพลาดโอกาสครอบครองเหรียญนั้น หากราคาพุ่งสูงขึ้นไปกว่านี้มาก
ในชุมชนออนไลน์ที่นักลงทุนแต่ละแพล็ตฟอร์มรวมตัวกันอยู่ ได้มีการบ่นถึงพฤติกรรมของราคาที่เหมือนกับเดาใจเราได้ ตัวอย่างเช่นเมื่อคุณเข้าซื้อเหรียญใด เหรียญนั้นก็ราคาตกลงอย่างรวดเร็วทันทีที่คุณซื้อ หรือเมื่อคุณขายเหรียญใดออกไปเรียนนั้นก็ราคาพุ่งกระฉูดฉุดไม่อยู่ นักลงทุนที่พึ่งเข้าวงการมาใหม่จะรู้สึกว่ากราฟกำลังเล่นตลกกับพวกเขา โดยตั้งใจให้พวกเขาขาดทุน และกราฟไม่เคยเป็นไปในทิศทางที่พวกเขาคาดการณ์
เมื่อสู้กับจิตวิทยาในใจของตนเองไม่ได้ จึงโดนจิตวิทยาการเทรดเล่นงาน ทำให้นักเทรดรายย่อยมากมายขาดทุนจำนวนมหาศาล หลายคนถึงกับป่าวประกาศว่าการซื้อขายเหรียญดิจิตอลหลอกลวง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่หวนกลับคืนสู่วงการเทรดด้วยการศึกษาเพิ่มเติม เลือกประเภทการเทรดที่เหมาะกับตัวเอง เรื่องแบบฟอร์มการเทรดที่น่าเชื่อถือ รวมถึงประสบการณ์เทรดที่สั่งสมมา
กราฟและราคาที่ไม่เหมือนกันในแต่ละแพล็ตฟอร์ม
หากคุณซื้อขาย Bitcoin , Dogecoin และ คริปโตอื่นๆ ในแพล็ตฟอร์มเดียว คุณอาจไม่เห็นถึงความแตกต่างของราคา แต่สำหรับผู้ลงทุนในหลายๆแพล็ตฟอร์มเช่นเดียวกับผู้เขียนเองนี้ จะเห็นความแตกต่างของราคาจนเป็นเรื่องปกติแล้ว ตัวอย่างเช่นเว็บซื้อขายคริปโตสากลเว็บหนึ่ง (เรียกสมมติว่าเว็บ1) มักราคาถูกกว่าเว็บซื้อขายคริปโตในไทยเว็บหนึ่ง (เรียกสมมติว่า เว็บ2) นักลงทุนบางกลุ่มจึงคิดจะซื้อเหรียญคริปโตราคาถูกใน เว็บ1 แล้วโอนเหรียญมาขายใน เว็บ2 แต่ก็พบว่าค่าธรรมเนียมในการโอนเหรียญมายัง เว็บ2 นั้นมากเกินไป เมื่อคำนวณกำไรขาดทุนแล้วก็ยังไม่คุ้มค่าอยู่ดี
หากเปิดกราฟคริปโตขึ้นมาเทียบสักประเภทหนึ่ง เราจะพบความแตกต่างและความเหมือนของกราฟในทั้งสองแพล็ตฟอร์ม เมื่อเป็นแพล็ตฟอร์มตลาดเกร็งกำไร นักลงทุนต่างยอมรับได้ แต่หากเป็นแพล็ตฟอร์มการเทรดแบบหมดเวลาและฟอเร็ก นักลงทุนกลับบอกว่าโบรกเกอร์โกง
Market Marker ในตลาดคริปโต
Market Maker คือนักเทรด นักลงทุน หรือคนที่มีกำลังทรัพย์มากพอในการเข้าไปช่วยให้ตลาดมีสภาพคล่องมากขึ้น ไม่อืด ไม่เงียบ และช่วยให้ราคาที่เคลื่อนไหวอยู่นั้นเป็นกรอบราคาที่มีความสมเหตุสมผล ไม่ใช่การเคลื่อนไหวของราคาที่มีการปั่นจากพวกนักปั่นหุ้นนั่นเอง อดสงสัยไม่ได้ว่า Elon Musk กำลังเล่นบทบาทอะไร คนปั่นราคา หรือ Market Maker กันแน่?
Elon Musk กับ Bitcoin
Elon Musk เริ่มเข้ามาป่วนในวงการคริปโตช่วงสิ้นปี 2563 โดยเริ่มแรกเขาได้โพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับ bitcoin ในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ใจความว่า “บิทคอยน์ คือคำใบ้จากฉัน” “Bitcoin is my safe word”
ซึ่งในวันเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้กลับมาตอบ Twitter ของตัวเองว่า “แค่ล้อเล่นน่ะ ใครจะอยากได้คำใบ้กันเล่า” “Just kidding, who needs a safe word anyway!?” ด้วยท่าทีขี้เล่นของ Elon Musk ทำให้เขากลายเป็นคนที่เดาใจยาก โดยการออกมาทวิตบนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ของเขา ซึ่งสร้างปรากฏการณ์ ให้กับทุกเหรียญดิจิตอลที่เขาเอ่ยถึง ได้แก่ bitcoin และ dogecoin
ยังไม่ทันจะข้ามวัน เขาก็ได้ออกมาโพสต์ทวิตเตอร์อีก 2 โพสต์หลังจากนั้น โดยโพสต์แรกเป็นภาพล้อเลียน เปรียบผู้หญิงสุดแสนเซ็กซี่ยั่วยวนเป็น bitcoin และเปรียบตัวเขาเป็นผู้ชายที่พยายามไม่สนใจ โดยความหมายอาจจะเป็นเค้าที่พยายามข่มใจไม่สนใจ บิทคอยน์ แต่แล้วบิทคอยน์ก็น่าสนใจเหลือเกิน และโพสต์ถัดมาจากนั้นกลับบอกว่า Bitcoin เป็นเรื่องหลอกลวง โดยกล่าวว่า “Bitcoin is almost as bs as fiat money” ที่แปลได้ว่า บิทคอยน์ เกือบจะเป็นเรื่องไร้สาระเช่นเดียวกับเงินเฟียต
เฟียตมันนี่ หรือ เงินเฟียต (fiat money) หมายถึง เงินตรา (ของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง) ทั่วไปที่รัฐสร้างขึ้นเพื่อใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แม้สิ่งที่ใช้ทำเงินนั้นไม่มีค่าอะไรเลย เช่น เงินธนบัตร เป็นเพียงกระดาษหรือเงินเหรียญที่ทำจากโลหะไร้ค่า ซึ่งหากไม่มีการรับรองจากรัฐบาลแล้วสิ่งนั้นจะไม่สามารถแลกเป็นสิ่งของมีค่าได้เลย เงินตราที่ใช้จ่ายกันทุกวันนี้ มีค่าได้เพราะผู้คนให้คุณค่ามันเอง Bitcoin ก็เช่นกัน
และในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 Elon Musk กลับมาโพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับ bitcoin อีกครั้งโดยเขาได้ อีกครั้งโดยเขาได้แบ่งปันแชร์ อีกครั้งโดยเขาได้แบ่งปันแชร์รูปอยู่กับการถอน bitcoin จาก MT. Gox ได้ โดยเขาได้ใส่แคปชั่นของรูปนั้นว่า “This is true power haha” แปลให้เข้าใจได้ว่านี่คือพลังที่แท้จริง
วันที่ 13 มีนาคม 2564 เขาได้โพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับ bitcoin อีกครั้ง มีเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษว่า “BTC (Bitcoin) is an anagram of TBC (The Boring Company) What a coincidence!” แปลได้ใจความว่า ตัวย่อของ bitcoin (BTC) เป็นการสลับตำแหน่งของ TBC หรือ The Boring Company (บริษัทน่าเบื่อ) อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น! นอกจากนี้เขายังมาตอบ Twitter ของตัวเองด้วยในวันเดียวกันบอกว่าทั้งคู่ก็แค่ขุดแล้วก็ใช้ในบล็อกเชน ขึ้นทวิตนี้ไปแสดงถึงความน่าเบื่อของ bitcoin ในมุมมองของ Elon Musk
แน่นอนว่าเมื่อเขาปล่อยข่าวทำให้ bitcoin ดูแย่ลงแล้ว ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็จะปล่อยข่าวดีเพื่อสร้างมูลค่าให้กับ bitcoin ครั้ง โดยวันที่ 24 มีนาคม 2564 เขาได้ออกมาทวิตว่า บริษัทเทสล่า (Tesla) ของเขาเอง ตอนนี้ยอมรับ bitcoin ในการซื้อขายแล้ว รวมถึงทวีปอื่นที่มีการนำเสนอวิธีการใช้บิทคอยน์ภายในบริษัทเทสล่าของเขา
หลังจากการประกาศใช้ bitcoin ในบริษัทเทสล่าได้ไม่นานเขาก็ไม่รอช้าที่จะประกาศข่าวร้ายเกี่ยวกับ bitcoin อีกครั้ง โดยวันที่ 13 พฤษภาคม เขาได้ประกาศผ่านทวิตเตอร์ของเขาว่า Tesla ได้ระงับการซื้อขายด้วย bitcoin โดยอ้าง เหตุผลที่ว่าการขุด bitcoin นั้นไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากใช้พลังงานประเภทถ่านหินมากเกินไป โดยที่เขากล่าวว่าทางบริษัทเทสล่าจะไม่ขาย bitcoin เพราะพวกเขาจะกลับมาใช้ bitcoin อีกครั้งเมื่อวิธีการขุดของ bitcoin ใช้พลังงานที่ยั่งยืนกว่าซึ่งน้อยกว่า 1% ของพลังงาน bitcoin ต่อการทำรายการ มีข้อความเต็มเป็นภาษาอังกฤษว่า
“Tesla has suspended vehicle purchases using Bitcoin. We are concerned about rapidly increasing use of fossil fuels for Bitcoin mining and transactions, especially coal, which has the worst image of any fuel.
Cryptocurrency is a good idea on many levels and we believe it has a promising future, but this cannot come at great cost to the environment.
Tesla will not be selling any Bitcoin and we intend to use it for transactions as soon as mining transactions use more sustainable energy. that use <1% Bitcoin energy/transection.”
การปล่อยข่าวร้ายเป็นไปด้วยดี ราคา bitcoin ร่วงลงตามคาด นักลงทุนเริ่มที่จะจับทางเขาได้แล้ว แล้วก็เป็นไปตามคาด ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เขาก็ออกมาประกาศข่าวดีอีกครั้ง ว่าได้มีการพูดคุยกลับเหมืองขุด bitcoin ทางฝั่งอเมริกาเหนือ แล้วพวกเขาให้สัญญาว่าจะปรับปรุงการใช้และการขุดบิทคอยน์ที่ใช้พลังงานน้อยลง แต่ถึงอย่างไร บริษัทเทสล่า ก็ยังไม่ได้กลับมารับ bitcoin ในการซื้อขายอีกครั้ง
Dogecoin กับ Elon Musk
ทุกวันนี้แทบจะเรียกได้ว่า Elon Musk บิดาของเหรียญน้องหมา โดยหากพูดถึง Dogecoin ทุกคนก็จะนึกถึง Elon Musk เมื่อเทียบระหว่าง bitcoin และ Dogecoin และจะพบว่า และจะพบว่าเขา และจะพบว่าเขาได้ มีการโพสต์ทวิตเตอร์เกี่ยวกับ Doge บ่อยครั้งกว่าการโพสต์ถึง bitcoin ด้วยซ้ำ
โดยโพสต์แรกที่กล่าวถึง Dogecoin เขาได้ใช้วิธีเดียวกันกับตอนที่โพสต์ถึง bitcoin นั่นคือการโพสต์สั้นๆพอให้คนสงสัย “One word: Doge” ข้อความนี้ถูกโพสต์แต่วันที่ 20 ธันวาคม 2563 บนทวิตเตอร์ส่วนตัวของ Elon Musk ในขณะที่ก็เป็นวันเดียวกัน ที่เขาโพสต์ครั้งแรกถึง bitcoin
หลังจากโพสต์แรกเกี่ยวกับ Dogecoin เขาก็โพสต์ต่อทันที “Come for the comments, stay for memes” เขาได้บอกชัดเจนในโพสต์นี้ว่าเขาจะทำให้เหรียญ Doge เป็นเหรียญมีม อยากได้โพสต์ต่อไปอีกว่า “ I love all u crazy people out there” แปลได้ว่า ฉันรักคนบ้าบอข้างนอกนั้นทั้งหมดเลย ก็หลังจากที่เค้ากล่าวถึง Doge ราคาของมันก็พุ่งทะยานสูงขึ้น มันเกิดจากคนที่กล้าบ้าบิ่นซื้อเหรียญ Doge เพราะ Elon Musk พูดถึงเท่านั้น นี่อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเรียกคนเหล่านี้ว่าบ้าบิ่น
จนกระทั่งพบสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ดูเหมือนว่าเขาจะสื่อเกี่ยวกับเหรียญ Doge ที่ไปถึงดวงจันทร์เรียบร้อยแล้วนั่นเอง และเขาก็ยังไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น ยังคงโพสต์ Twitter สนับสนุน Dogecoin ต่อไป จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 รายการ Saturday Night Live ที่เขาเข้าร่วมแสดง หลายคนเข้าใจว่าเป็นรายการสด แต่นั่นไม่ใช่รายการสดที่ Elon Musk จะมานั่งตอบคำถามท่านผู้ชม แต่เป็นเพียงการบันทึกเทปไว้ซะส่วนใหญ่
รายการ Saturday Night Live เป็นรายการตลก ซึ่งนั่นทำให้สิ่งที่อีลอนพูดออกมาขาดความน่าเชื่อถือไปมาก เพราะไม่รู้ว่าอันไหนพูดจริงอันไหนพูดเล่น จากที่นักลงทุนคาดหวังว่าหลังจากรายการออกอากาศไปราคาน้องหมา Dogecoin จะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะลงมาอีกครั้ง แต่ก็ต้องผิดพลาดที่ตั้งแต่รายการเริ่มดำเนินการออกอากาศ ราคาเหรียญนี้ก็ดิ่งลงเรื่อยๆนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ดูเหมือนว่าคำพูดของ Elon Musk จะลดความเชื่อถือลงเรื่อยๆเพราะหลังจากรายการ SNL แม้ว่าเขาจะโพสต์ทวิตเตอร์เชียร์เหรียญ Doge มากเท่าไหร่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกเลย ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะปั่นราคา Doge ให้สูงขึ้น โดยในวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 แบบสำรวจบนแพล็ตฟอร์มทวิตเตอร์ ถามว่าคุณอยากให้เทสล่ารับสายเป็นเหรียญ Doge หรือไม่ โดยผลออกมา 78.2% ต้องการ และยังมีอีก 21.8% ที่ไม่ต้องการ
เขาไม่รอช้ารีบประกาศในวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ทันทีว่าความชัดเจนเขาเชื่อมั่นในคลิปโตแต่มันต้องไม่ใช้พลังงานมากเกินไปโดยเฉพาะพลังงานถ่านหิน และหลังจากนั้นเขาก็โพสต์อีกครั้งว่าเขากำลังร่วมมือกับทางผู้พัฒนาเหรียญ Doge เพื่อพัฒนาระบบประสิทธิภาพการทำรายการให้ดีขึ้น โดยการโพสต์ลักษณะนี้สามารถมองได้ว่า เขากำลังมองหาข้อเสียของ Bitcoin เพื่อที่จะยก Dogecoin ขึ้นมาให้เหนือกว่า หรือไม่?
และแน่นอนว่าจนกระทั่งบัดนี้เขาก็ยังไม่ล้มเลิกการพูดถึงเหรียญ Doge แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามมากเท่าไหร่ดูเหมือนว่าในช่วงนี้ผู้คนจะหมดกำลังซื้อเสียแล้ว มาจากคำพูดของเขาลดความน่าเชื่อถือลง หรือเป็นกลไกของตลาดที่ในช่วงนี้อยู่ในช่วงขาลงของปี แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามนักลงทุนไม่ควรตัดสินใจลงทุนเพียงเพื่อคำพูดที่ปรากฏออกมาบนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะคำพูดที่รายงานทุกสถานการณ์ ทุกความคิดของคนๆหนึ่ง พึ่งกลับไปกลับมา ไม่แน่นอน ความเปลี่ยนแปลงมากมายในระยะเวลาอันสั้น ที่เกิดจาก Elon Musk เรียนสำคัญให้กับนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่พี่หวังพึ่งเพียงข่าวรายการตัดสินใจซื้อขาย ให้หันกลับมาสนใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคมากขึ้น
แน่นอนว่าการติดตามข่าวที่สําคัญในวงการเทรดสามารถช่วยให้ทำกำไรได้ แต่ก็เป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้นเอง
ตลาดขาลง ทำคนขาดทุน
ตลาดคริปโตเคอเรนซี่ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564 ถึงเป็นช่วงวิกฤตของปี เกือบทุกประเภทของเหรียญดิจิตอลแสดงผลด้วยสีแดง ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ต่างเจ็บในใจด้วยการขาดทุน ตามการลดลงเรื่อยๆของมูลค่าเหรียญที่ถือไว้ นักเทรดต่างติดดอยร้องโอดโอยกันระงม
หลายคนก็หนีไปเทรด shorts หรือเทรดฟิวเจอร์ หรือ FTT (Fixed Time Trade) หรือ Forex ในแพล็ตฟอร์ม Olymp Trade หรืออื่นๆ กันในช่วงนี้ ประเภทเหล่านี้สามารถทำกำไรได้แม้จะเป็นตลาดขาลง เรียกได้ว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง ให้สามารถทำกำไรได้ทุกช่วงเวลาของตลาด
สรุป
ตลาดการเงินและการเทรดออนไลน์ไม่สามารถเป็นขาขึ้นได้ตลอดเวลา จะต้องมีช่วงขาขึ้นและขาลงสลับกันไป อยู่ที่ว่าในช่วงขาขึ้นนั้น จุดสูงสุดจะสูงเท่าไหร่ และในช่วงขาลง จุดต่ำสุดจะลึกเท่าไหร่ แผนสำรองคือการซื้อขายเก็งกำไรควบคู่ไปกลับการเทรดประเภทอื่นๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลานอนรอในช่วงตลาดขาลง เพราะโดยปกติแล้วความอดทนในการรอคอยของผู้คนไม่ได้มีมากขนาดนั้นแน่นอน
**การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดระมัดระวังในการลงทุน และลงทุนด้วยความไม่ประมาท**
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ